
เส้นทาง (340) ช่วงเลยจากตลาดสามชุกขึ้นไปทางบึงฉวาก ราว 4 ก.ม. ผ่าน
วัดบ้านทึง ไปเล็กน้อย
จะเจอทางโค้ง สุดทางโค้งก็จะเห็นต้นโพธิ์และศาลาอยู่ซ้ายมือ
นั้นแหละครับ วัดบางแอก คนทั่วไปอาจจะผ่านเลย
แต่คนที่ทราบเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้คงจะต้องแวะกราบไหว้ขอพรกัน
เมื่อราวกว่า 40 ปี มีการไถดินเพื่อทำถนนเส้น สุพรรณ-ชัยนาท (340)
ตอนนั้นผมยังเด็กแต่ก็พอจำภาพเก่าๆได้บ้าง เป็นภาพชาวบ้านหลายคน
กำลังก้มหน้าก้มตาค้นหาเทวรูปที่ถูกรถไถไถดันขึ้นมา
เป็นรูปปั้นโลหะในศาสนาพราหมณ์ มีทั้งพระอิศวร พระพิฆเนศ
เจ้าแม่อุมาเทวี กริช กำไล ฯลฯ สถานที่พบใกล้กับ
วัดบางขวาก
และ วัดบางแอก ชาวบ้านที่เก็บได้บางคนก็เก็บไปบูชา
บางคนก็ขายไปหลักพันหลักหมื่น กว่าเจ้าหน้าที่กรมศิลปกรจะมาถึง
สมบัติโบราณเหล่านี้ก็แทบจะไม่เหลือแล้ว
ปัจจุบันเทวรูปเหล่านี้มีราคาซื้อขายกัน ว่ากันว่าเป็นหลักล้าน
และยังมีเรื่องเล่าจากคนที่มีวิชาอาคมอีกว่า
ยังมีสมบัติอีกมากมายถูกฝังอยู่ใต้โบราณสถานวัดบางแอกแห่งนี้
และช่วงที่มีการขยายถนนก็มีการพยายามที่จะขุดทำลาย
แต่ก็มีเหตุเหนือธรรมชาติกับเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำงาน
ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตไปหลายคน จนต้องยุติและล้มเลิก
คงเหลือซากอิฐและต้นโพธิ์ใหญ่ไว้ตามเดิม
ปัจจุบันทางกรมศิลปกรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว

ย้อนกลับไปอีกราวๆ 60-70 ปี สมัยนั้นเตี่ยของผมเอง มีอาชีพค้าข้าว
โดยจะล่องเรือรับซื้อ-ขายข้าวระหว่าง กรุงเทพ-สุพรรณ
เรือสินค้าทุกลำจะต้องมาจอดรอที่ประตูน้ำสามชุก
จากประตูน้ำไปนางบวชสมัยนั้นยังไม่มีถนน จะต้องเดินเท่านั้น
และทางก็เป็นป่า เตี่ยเล่าให้ฟังว่าหลังจากไปหาแม่ที่บ้านแถวนางบวช
จะกลับมาที่เรือก็ค่ำมืดแล้ว
ช่วงที่เดินกลับมาถึงบริเวณวัดบางแอกเป็นป่าไผ่
ถึงจะเคยเดินผ่านทางนี้มาหลายครั้งแต่คืนนี้กลับเดินหลงวนเวียน
หาทางออกไม่เจอ เวลาผ่านไปยาวนานกับบรรยากาศในคืนที่มืดมิด
เสียงหวีดหวิวของใบใผ่ ... เป็นคืนที่น่ากลัวที่สุดคืนหนึ่ง
จนเตี่ยต้องก้มหน้ากราบที่พื้นดิน พอเงยขึ้นก็เป็นเวลาที่ฟ้าสางแล้ว
เตี่ยซึ่งเป็นคนไม่กลัวผี
แต่อาการวันนั้นตามภาษาชาวบ้านก็จับไข้หัวโกร๋น
ย่าต้องพาไปทำบุญรดน้ำมนต์
ยังมีเรื่องเล่าถึง
"เสือกลับ" ที่ผิด
"คำสาบาน"
กับองค์หลวงพ่อวัดบางแอก... ย้อนไปเมื่อ 70-80 ปี
เมืองสุพรรณเต็มไปด้วยเสือหรือขุนโจรมากมาย มีการปล้นไม่เว้นแต่ละวัน
เสือกลับ ก็เป็นหนึ่งในเสือร้าย
ได้พาพวกออกปล้นที่ตลาดในตัวเมืองสุพรรณ
แล้วลงเรือหลบหนีขึ้นเหนือมาทางสามชุก แวะขึ้นฝั่งที่วัดบางแอกแห่งนี้
แล้วได้อธิฐานกับองค์หลวงพ่อในโบสถ์ว่า
จะขอปล้นครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
เพราะต้องเอาเงินไปซื้อยาให้แม่ที่ป่วยอยู่
ขอให้ตนหนีรอดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วจะขอบวชตลอดชีวิต
เมื่อชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตามมาเห็นเรือของเสือกลับผูกอยู่ริมตลิ่ง
ก็พายเรือเข้าฝั่งเพื่อจับตัวเสือกลับ
แต่ก็ไม่พบทั้งๆที่เสือกลับเองก็นั่งพนมมือไหว้พระขอพรกับองค์หลวงพ่ออยู่ในโบสถ์
เมื่อเจ้าหน้าที่ตามหาเสือกลับไม่พบจึงเดินทางกลับ
ทำให้เสือกลับหนีรอดจากการถูกจับกุมในครั้งนั้น
เมื่อเวลาผ่านไป เสือกลับก็ไม่ได้ทำตามคำสาบานที่เคยให้ไว้กับหลวงพ่อ
ยังคงนำพรรคพวกปล้น และเกิดการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เสือกลับพายเรือหนีมาตามแม่น้ำ
และเมื่อผ่านวัดบางแอก
เป็นช่วงเวลาที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง เสือกลับจำต้องแวะเพื่อหลบพายุฝน
ช่วงพอดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาทัน
และเกิดการยิงต่อสู้กันระหว่างตำรวจ กับเสือกลับ
เวลาผ่านไปจนรุ่งเช้าจึงพบเสือกลับ นอนตายอยู่ตรงหน้าองค์พระพุทธรูป
ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่ชาวบ้านพากันเชื่อว่า เสือกลับต้องมาตายเพราะ
ผิดคำสาบาน
กับองค์หลวงพ่อวัดบางแอก

ความเป็นมาของวัดบางแอก
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอู่ทอง
ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา สมัยนั้นเกิดโรคห่าระบาดอย่างหนัก
มีผู้คนล้มตายจำนวนมาก
พระเจ้าอู่ทองจึงพาบริวารหนีออกจากเมืองหลวงเดินทางด้วยเกวียน
พอมาถึงบ้านทึงแอกเกวียนได้หักลง เลยพากันหยุดซ่อมแซม
และรอเป็นเวลาหลายวัน พระเจ้าอู่ทองสั่งให้สร้างวัดขึ้นในบริเวณนี้ 3
แห่งด้วยกัน คือ วัดบางแอก วัดรอ และ
วัดบ้านทึง
|