วัดหน่อพุทธางกูร

วัดหน่อพุทธางกูร
อำเภอเมือง
บนถนนสมภารคง
เส้นทางเลียบแม่น้ำฝั่งตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน
ใกล้ตัวเมืองสุพรรณ เป็นเส้นทางไหว้พระเก้าวัด และ
วัดหน่อพุทธางกูร เป็น 1 ใน 9 วัดสำคัญของเมืองสุพรรณ
ที่นักเดินทางนิยมแวะกราบใหว้
และชมความงดงามของอุโบสถ และงานจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่
ภาพบางส่วนเริ่มเสียหายจากความร้อน และความชื้น
แต่ทางวัดก็พยายามดูแลรักษาไว้
เพื่อเป็นผลงานที่มีคุณค่า ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
และเรียนรู้เรื่องราว
และศิลปะของไทยที่งดงามมากอีกชิ้นหนึ่ง

วัดหน่อพุทธางกูร
(เดิมชื่อ วัดมะขามหน่อ) ตั้งอยู่ที่ตำบลพิหารแดง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณ
เลยวัดพระลอยไปทางเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร
ตามทางหลวง หมายเลข 3507 กิโลเมตรที่ 3
เป็นวัดที่เงียบสงบสร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ภายในพระอุโบสถหลังเก่ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ
ค่อนข้างสมบูรณ์ชัดเจน เป็นจิตรกรรม ที่มีความงดงาม เขียนราว พ.ศ.
2391 ในสมัยรัชกาลที่ 3

วัดหน่อพุทธางกูรนี้สร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
ชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาว่าชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์
เมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์ พ.ศ. 2369
ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้
และได้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นในบริเวณที่มีฐานอุโบสถเก่าอยู่ก่อนแล้ว
แต่ไม่สามารถสืบหาอายุได้ว่าสำนักสงฆ์นี้สร้างขึ้นในปีใด
ต่อมาขุนพระพิมุขข้าหลวงในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
จึงได้มาสร้างเป็นวัดขึ้น ให้ชื่อว่า วัดมะขามหน่อ
จนกระทั่งในสมัยพระครูสุวรรณวรคุณ (คำ จนทโชโต)
เป็นเจ้าอาวาสจึงได้เปลี่ยนชื่อวัดนี้เป็น
วัดหน่อพุทธางกูร
พระอุโบสถเก่าของวัดที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังนั้น
สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย
เนื่องจากลักษณะของฐานที่แอ่นโค้งแบบท้องเรือสำเภาอันเป็นรูปแบบที่นิยมมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย
จิตรกรรมของวัดนี้เขียนอยู่ภายในและภายนอกพระอุโบสถ
ผู้เขียนคือ นายคำ
ช่างหลวงที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์เมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์




วัดหน่อพุทธางกูรนี้สร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
ชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาว่าชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์
เมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์ พ.ศ. 2369
ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้
และได้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นในบริเวณที่มีฐานอุโบสถเก่าอยู่ก่อนแล้ว
แต่ไม่สามารถสืบหาอายุได้ว่าสำนักสงฆ์นี้สร้างขึ้นในปีใด
ต่อมาขุนพระพิมุขข้าหลวงในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
จึงได้มาสร้างเป็นวัดขึ้น ให้ชื่อว่า วัดมะขามหน่อ
จนกระทั่งในสมัยพระครูสุวรรณวรคุณ (คำ จนทโชโต)
เป็นเจ้าอาวาสจึงได้เปลี่ยนชื่อวัดนี้เป็น
วัดหน่อพุทธางกูร
พระอุโบสถเก่าของวัดที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังนั้น
สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย
เนื่องจากลักษณะของฐานที่แอ่นโค้งแบบท้องเรือสำเภาอันเป็นรูปแบบที่นิยมมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย
จิตรกรรมของวัดนี้เขียนอยู่ภายในและภายนอกพระอุโบสถ
ผู้เขียนคือ นายคำ
ช่างหลวงที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์เมื่อคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์


พระอุโบสถวัดหน่อพุทธางกูร
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของอุโบสถ
เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่ออิฐถือปูนขนาด
3 ห้อง
ด้านหน้าโบสถ์มีมุขยื่นออกมามีเสารองรับอยู่ 4
ต้น หน้าบันและส่วนประดับต่าง ๆ
เป็นไม้จำหลักงดงามมาก
หลังคามุงกระเบื้องดินเผาปลายมน
ฐานอาคารแอ่นโค้งเป็นรูปท้องเรือสำเภา
ซึ่งเป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมที่นิยมในสมัยอยุธยาตอนปลาย
สันนิษฐานได้ว่าเดิมวัดมะขามหน่อนี้อาจเป็นวัดเก่ามีมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย
ต่อมาชาวบ้านบริเวณวัดมะขามหน่อได้บูรณะขึ้นใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมซึ่งงดงามมาก
มีนายคำชาวเวียงจันทน์เป็นช่างเขียน
นายคำถูกกวาดต้อนมาในสมัยกบฏเจ้าอนุวงศ์
นายคำมีพี่น้องอยู่ด้วยกัน 3 คน
แต่พลัดพรากจากกัน
เมื่อตอนเดินทางเข้ามาอยู่เมืองไทย
ตัวนายคำได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ
ในฐานะที่เคยเป็นช่างเขียนมาก่อนเมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ
นายคำจึงถูกเกณฑ์ให้มาเขียนภาพที่วัดสุทัศน์
หลังจากที่เขียนภาพที่วัดสุทัศน์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
นายคำพยายามออกตามหาพี่น้องของตนที่มาจากเวียงจันทน์ด้วยกัน
และสืบทราบได้ว่าพี่น้องของตนมาอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
จึงติดตามมาหาพบอยู่ที่ตำบลพิหารแดง
พอดีขณะนั้นชาวบ้านวัดมะขามหน่อได้ก่อสร้างอุโบสถเสร็จจะเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง
นายคำจึงรับอาสาจะเขียนให้และได้ให้นายเทศ
ซึ่งเป็นลูกเขยที่กรุงเทพฯ
มาช่วยเขียนภาพด้วยอีกคนหนึ่ง
เมื่อเขียนภาพที่วัดหน่อพุทธางกูรเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นายคำยังได้ไปเขียนภาพที่อุโบสถวัดประตูสาร
ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง
จังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย
ที่มา:
กลุ่มวิชาการโบราณคดี สำนักงานศิลปากรที่ 2
สุพรรณบุรี

หลวงตาคำ
วัดหน่อพุทธางกูร
ถนน สมภารคง ตำบล พิหารแดง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี
สุพรรณบุรี 72000
โทร. 035-543589
ค่าพิกัด
GPS
14.498547, 100.120013
แผนที่การเดินทาง

|